UFABETWIN หากพูดถึงทีมในพรีเมียร์ลีกที่มีระบบการเล่น “แข็งแกร่งและชัดเจน” เป้าใหญ่คงหนีไม่พ้นทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ ลิเวอร์พูล
UFABETWIN เป็นแน่แท้ ทว่ามีทีม ๆ หนึ่งที่ใช้นักเตะบ้าน ๆ ซื้อมาราคาถูก ๆ แต่กลับเล่นบอลระบบสไตล์โมเดิร์นฟุตบอลได้อย่างน่าชื่นชมไม่แพ้กันนั่นคือ ไบรท์ตัน สโมสรแห่งนี้เพิ่งเลื่อนชั้นมาสู่ลีกสูงสุดเมื่อปี 2017 ทว่าหลังจากที่พวกเขาเลือกเชื่อมือกุนซือหนุ่มนามว่า แกรห์ม พอตเตอร์ ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป จากทีมหนีตกชั้นสู่กระดูกชิ้นใหญ่ที่เหล่าบิ๊กทีมก็ยังเอาไม่ค่อยลง จากฟุตบอลโยนแบบโบราณสู่บอลเซตกับพื้นต่อจากหลังไปหน้า พอตเตอร์ เปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร ?
นักเตะสุดห่วยที่แฟนบอลโห่ใส่ หากย้อนกลับไปตอนที่ไบรท์ตันแต่งตั้ง แกรห์ม พอตเตอร์ เขาคือโค้ชที่โลว์โปรไฟล์แบบสุด ๆ เพราะถึงแม้เขาจะเป็นคนอังกฤษ แต่พอตเตอร์ก็ไม่เคยมีเกียรติประวัติด้านดี ๆ มากนักทั้งตอนเป็นนักเตะและตอนเป็นกุนซือ
สมัยเป็นนักเตะ พอตเตอร์เป็นสมาชิกของทีมอคาเดมี่ของ เบอร์มิงแฮม เขาเป็นนักเตะแบบอังกฤษขนานแท้ เล่นวิงแบ็ก ตัวสูง ใจสู้ แต่ปัญหาก็คือเมื่อลงเล่นในเกมระดับอาชีพจริง ๆ พอตเตอร์กลับยังขาดอะไรอีกมากมาย ทั้ง ความเร็ว ความเข้าใจเกม และความแข็งแกร่ง ทุกอย่างผิดเพี้ยนไปหมด นี่คือเรื่องที่เขาเล่าถึงตัวเองสมัยเป็นนักเตะ
พอตเตอร์เล่าว่าเขามีเหตุการณ์จำฝังใจสมัยยังเป็นนักเตะของเบอร์มิงแฮม เขาถูกโปรโมตขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ในปี 1992 เพราะกุนซือ เทอร์รี่ คูเปอร์ ชอบความเป็นนักสู้ของเขา จึงให้โอกาสพอตเตอร์ได้ลงเล่นระดับอาชีพครั้งแรกตั้งแต่อายุ 17 ปี ทว่าโอกาสลงสนามครั้งนั้นกลายเป็นประสบการณ์จำฝังใจของพอตเตอร์เลยก็ว่าได้
“เทอร์รี่ คูเปอร์ เชื่อมั่นในตัวผมมาก ตอนนั้นผมเองก็มั่นใจในตัวเองสูง ออกแนวมากเกินไปด้วยซ้ำ เขาผลักดันผมขึ้นมาจากทีมเยาวชนสู่ทีมชุดใหญ่ คุณรู้อะไรมั้ย ตอนผมอายุ 18 ปีผมก็เล่นเกมลีกไปแล้วเกือบ 30 เกม”
“โค้ชบอกว่าผมร่างกายดี มีคุณสมบัติที่ซ่อนอยู่ แต่คุณรู้ไหมว่าความจริงผมโดนแฟนเบอร์มิงแฮมโห่ไล่ตอนที่ผมโดนเปลี่ยนตัวในเกมกับนิวคาสเซิล จากนั้นมันก็เป็นแบบนี้บ่อย ๆ แต่ก็เป็นเรื่องดีเพราะมันทำให้ผมเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่าในวงการฟุตบอล ถ้าผลงานห่วย ไม่ว่าคุณจะเป็นเด็กท้องถิ่น นักเตะหนุ่มของสโมสร หรือจะเป็นใครก็ช่าง คุณมีสิทธิ์โดนโห่ไล่ได้ทั้งนั้น … ความจริงที่เจ็บปวดนี้แหละที่กลั่นให้ผมเข้าใจโลกมากขึ้น ผมรู้แล้วว่าโลกที่ผมอยู่เป็นอย่างไร”พอตเตอร์ กล่าว
พอตเตอร์ใช้ชีวิตนักเตะครึ่งบกครึ่งน้ำอยู่สักพัก กล่าวคือเล่นดี 1 เกมอีก 2 เกมเล่นแย่ สลับไปสลับมาไม่มีความต่อเนื่อง
ช่วงที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาคือการก้าวขึ้นมาติดทีมชาติอังกฤษชุดยู-21 มาแล้ว (1 เกม) แต่หลังจากการก้าวพ้นจากการเป็นดาวรุ่ง พอตเตอร์ก็เดินทางสู่ขาลงยาว ๆ จากที่เคยได้เล่นในพรีเมียร์ลีกก็ไม่ได้รับการต่อสัญญา หลังจากนั้นก็ไปเล่นในระดับดิวิชั่น 1 จนกระทั่งหลุดยาวไปจนถึงการเล่นให้กับทีมในลีกทูอย่าง แมคเคิลสฟิลด์ ทาวน์
จนกระทั่งปี 2005 เขาและภรรยาตกลงปลงใจแต่งงานกัน และในวันแต่งงานนั้น พอตเตอร์ในวัย 30 ตัดสินใจแล้วว่าการเป็นแบ็กซ้ายของทีมจากลีกทูนั้นเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้ครอบครัวมีกินมีใช้ เขาจึงเริ่มทบทวนและคิดว่าเวลาของเขาในฐานะนักเตะอาชีพน่าจะมีแต่ขาลงต่อจากนี้
เริ่มก่อน รู้ก่อน ตอนที่พอตเตอร์ตัดสินใจจะแขวนสตั๊ด คนรู้จักของเขาหลายคนก็ทักว่าเป็นความคิดที่ไม่ค่อยฉลาดนัก เขาควรค้าแข้งให้ได้นานที่สุด เพราะนักเตะอาชีพระดับลีกทูนั้นแม้จะได้เงินไม่มากแต่ก็ดีกว่าตกงานหรือไปทำอาชีพอื่นสำหรับคนที่ไม่มีวุฒิการศึกษา
“ผมรีไทร์จากฟุตบอลตอนอายุ 30 โดยไม่มีแผนอะไรในหัวเลย ผมเลยคิดว่าจะเอาเวลาไปเรียนหนังสือเพื่อให้ได้เป็นครูหรือโค้ชน่าจะดีกว่า ผมก็เลยตั้งใจอย่างมากที่จะเรียนให้จบและศึกษาเรื่องต่าง ๆ ให้มาก เพราะผมจะได้ไม่ต้องรู้สึกด้อยค่าเหมือนตอนเป็นนักเตะ”
พอตเตอร์แน่วแน่มาก เขาบอกว่าไม่ว่าจะเริ่มตอนไหนก็ต้องเจอกับความลำบากอยู่ดี ดังนั้นจะเร็วจะช้าเขาก็ต้องเลิกเป็นนักฟุตบอลในสักวัน เขาเชื่อว่าการตัดสินใจที่ถูกต้องคือการเลิกตั้งแต่รู้ว่าไม่มีทางที่จะดีขึ้นกว่าเดิมกับอาชีพนี้
พอตเตอร์เริ่มลงเรียนระดับปริญญาตรีด้านสังคมศาสตร์ และหลังจากเรียนจบพอตเตอร์ก็ได้งานทำในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายพัฒนาฟุตบอลที่มหาวิทยาลัยฮัลล์ เงินเดือนของเขาคือ 17,000 ปอนด์ต่อ 1 ปี (ราว 750,000 บาท หาเทียบค่าเงินปัจจุบัน)
การทำงานที่นั่นแม้จะไม่ได้ทำให้มีโปรไฟล์หรูแต่ก็เปิดโลกใหม่ให้กับเขาที่อยู่กับฟุตบอลมาทั้งชีวิต เพราะเขาต้องทำงานร่วมกับคนอื่น ๆ จากสายอาชีพต่าง ๆ นั่นเป็นข้อดีที่ทำให้เขาได้เห็นมุมมอง แนวคิด ทัศนคติ ที่สามารถเอามาปรับใช้กับตัวเขาเองได้
“สวรรค์เลยล่ะ คุณถูกห้อมล้อมด้วยคนระดับหัวกะทิจากสายอาชีพอื่น นักวิทยาศาสตร์การกีฬา, นักจิตวิทยา, บุคลากรจากคณะธุรกิจ และอีกมากมายหลายคน ถ้าคุณได้ทำงานร่วมกับคนเหล่านี้คุณจะตั้งคำถามกับตัวเองแบบอัตโนมัติเลยว่า ‘แล้วนี่เราจะพัฒนาตัวเองด้วยแนวทางของเราได้ไหม ?'”
พอตเตอร์อาจจะอายุมากแล้วสำหรับคนจบปริญญาตรีใหม่ ๆ แต่เขาก็พร้อมที่จะเรียนรู้และรับทุกข้อเสนอที่มาถึง
ช่วงเวลาที่ทำงานกับมหาวิทยาลัยฮัลล์ พอตเตอร์ได้ลองทำงานเป็นผู้อำนวยการเทคนิคของทีมชาติกานาหญิง ที่ไปแข่งขันฟุตบอลโลกหญิงปี 2007 นอกจากนี้เขายังเคยทำงานเป็นผู้ช่วยโค้ชให้กับทีมมหาวิทยาลัยอังกฤษ จากนั้นเขาก็เรียนต่อจนจบระดับปริญญาโทด้านมานุษยวิทยา ถ้าคุณสงสัยว่าทำไมพอตเตอร์จึงเป็นโค้ชที่ดี การเรียนและประวัติการทำงานของเขาในช่วงนี้มีส่วนอย่างมาก เขาเข้าใจแนวคิด วิธีการใช้คน รวมถึงการย่อยข้อมูลต่าง ๆ ทฤษฎีใหม่ ๆ ที่จะสามารถส่งต่อให้กับคนอื่นได้ดีกว่า
“คุณเชื่อไหมล่ะว่าการสื่อสารนั้นมีมากมายหลายแบบ วิธีที่ดีที่สุดสำหรับงานที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคืออะไรรู้ไหม ? มันคือการพูดตรง ๆ กับสิ่งที่ตัวเองคิด ถ้าอยากได้อะไรจากคนอื่นคุณต้องบอกพวกเขาไปอย่างตรงจุดและพูดมันออกไปอย่างจริงใจ เราจะพูดแต่สิ่งที่ทำให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่แค่พูดในสิ่งที่คู่สนทนาของเราอยากจะฟัง ยิ่งคุณเข้าใจเรื่องการสื่อสารกับคนอื่นมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งตระหนักได้ว่ามันสร้างประโยชน์ให้กับคุณขนาดไหน” พอตเตอร์ กล่าว
เมื่อถึงเวลาที่ใช่โอกาสจะเดินเข้ามาหาคุณ และถ้าคุณคิดจะคว้ามัน คุณต้องรู้ตัวเองให้แน่ชัดว่าคุณรู้เกี่ยวกับสิ่งนั้นจริง ๆ พอตเตอร์อิ่มตัวกับงานเบื้องหลังที่เรียนรู้จากหลากหลายศาสตร์มาตลอด 6 ปี ถึงเวลาแล้วที่เขาจะเอา แกรห์ม พอตเตอร์ คนใหม่กลับสู่วงการฟุตบอลอีกครั้ง ข้อเสนอครั้งใหม่มาจากทีมจากลีกสวีเดนอย่าง ออสเตอร์ซุนด์ส พอตเตอร์ตกปากรับคำ และเส้นทางยอดโค้ชก็ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการในปี 2011
เริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ ออสเตอร์ซุนด์ส ในวันที่พอตเตอร์มาถึงเป็นสโมสรเล็ก ๆ จากลีกรองของสวีเดนที่แทบไม่มีกองเชียร์ เขาเล่าว่าเกมในบ้านนัดแรกที่เขาคุมทีมมีแฟนบอลเข้ามาชมเกมแค่ 200 คนเท่านั้น เหตุผลไม่ใช่มาจากความห่วยของทีมฟุตบอล แต่ออสเตอร์ซุนด์สคือหนึ่งในเมืองที่หนาวเย็นที่สุดของสวีเดน บางครั้งอุณหภูมิก็ติดลบถึง 25 องศาเซลเซลเซียสเลยทีเดียว ผู้คนที่นั่นจึงนิยมกีฬาอย่างสกีและสเกตน้ำแข็งมากกว่าที่จะชมเกมฟุตบอล แน่นอนว่านักเตะในทีมก็เป็นระดับกึ่งอาชีพที่ต้องขัดเกลาอีกมาก นี่เป็นช่วงเวลาที่พอตเตอร์ได้เอาวิชาสมัยที่ทำงานในมหาวิทยาลัยมาใช้ทุกเม็ด เริ่มต้นด้วยการสื่อสารและซื้อใจคน
“จะบอกว่าแหกคอกก็ได้ แต่บางครั้งการแก้ปัญหาเรื่องฟุตบอลก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้เรื่องฟุตบอลมาแก้ปัญหาอย่างเดียว มีอีกหลากหลายเรื่องราวและหลายศาสตร์ที่สามารถเอามาปรับใช้ได้ ผมพยายามสร้างแนวคิดความเป็นผู้นำให้ทุกคนรู้และรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง ใส่ใจกับงานที่ทำ รับผิดชอบมันอย่างสุดความสามารถ มีแรงจูงใจในการใช้ชีวิต ยิ่งคุณทำมากเทาไหร่คุณจะได้สิ่งต่าง ๆ ตอบแทนกลับมา โดยเฉพาะการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนรอบข้าง”พอตเตอร์ กล่าว
ไบรอัน เวค นักเตะของออสเตอร์ซุนด์ส พูดถึงพอตเตอร์ว่าเป็นคนที่มาปรับวัฒนธรรมของทั้งองค์กร เขาทำให้ทุกคนอยากเป็นนักเตะที่ดีขึ้นและเป็นมนุษย์ที่ส่งต่อความสุขให้กัน สิ่งเหล่านี้ทำให้ทีมกลายเป็นทีม และที่สุดแล้วออสเตอร์ซุนด์สก็กลายเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม โดยผลงานในตำนานคือการบุกชนะ อาร์เซนอล ที่นำโดย อาร์แซน เวนเกอร์ ใน ยูโรปา ลีก ฤดูกาล 2017-18 รอบ 32 ทีม แม้มันจะไม่ดีพอสำหรับการเข้ารอบหลังเกมแรกแพ้คาบ้านมายับเยินก็ตาม