หลังจากมีการเปิดตัว “ไทย ยูธ ลีก 2021” ขึ้นมา รายการนี้น่าสนใจตรงที่จำกัดอายุไว้ที่ไม่เกิน 21 ปี เสมือนเป็นการให้โอกาสกับเหล่าดาวรุ่งในทีมสำรองของทีมต่างๆ ที่อาจยังไม่ค่อยได้รับโอกาสลงเล่นกับทีมชุดใหญ่มากนัก
โดยทีมที่มีสิทธิ์เข้าร่วมนั้นทั้งหมดมาจาก ไทยลีก 1 และ ไทยลีก 2 รวมทั้งสิ้น 34 ทีม ทำการแบ่งเป็นโซน เพื่อง่ายต่อการเดินทาง และรายการนี้เปรียบเสมือนเวทีที่รองรับนักกีฬา ที่เตรียมเข้าสู่สโมสรฟุตบอลอาชีพ ในอนาคตต่อไป
รวมถึงเป็นลีก ที่ให้โอกาสนักฟุตบอล ได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่กิจกรรมฟุตบอลขาดหายไป ในช่วงวัยนี้ ที่สำคัญจะเป็นแหล่งคัดสรรนักกีฬา
เพื่อเตรียมเข้าสู่การแข่งขัน ที่มีการจำกัดอายุเช่น มหกรรมกีฬาซีเกมส์, เอเชียนเกมส์ และคัดโอลิมปิก ต่อไป และวันนี้จะผมขอชวนทุกคน ไปทัศนาข้อมูลกันว่า 4 ทีมเต็งของบอลรายการนี้ จะมีทีมใดเข้าข่ายบ้าง
เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
กุนซือ : เจษฏา จิตสวัสดิ์
นี่คือแชมป์เก่าในรุ่น 19 ปี จากปี 2019 เวลาผ่านพ้นไป 2 ปี น่าจับตามองอย่างมากว่า “กิเลนผยองจูเนียร์ ในการก้าวมาเล่น ยูธ ลีก ยู 21 จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร
หลังจากที่พวกเขาถูกส่งไปเก็บเลเวลกับ บางปะอิน อยุธยา ในศึกไทยลีก 3 ภายใต้การคุมทีมของ “โค้ชโอ๊ต” ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ หนึ่งในอดีตตำนานกองหลังของสโมสร
โดยทีมนี้จะมี “โค้ชเจษ”เจษฏา จิตสวัสดิ์ มารับผิดชอบ อย่างไรก็ตามจากข้อมูลที่ได้มา ผู้เล่นชุดนี้แทบจะไม่มีขุนพลจากชุดแชมป์ 19 ปี เมื่อ 2 ปีก่อนหลงเหลือเลย
โดยมีแกนหลักอย่าง กรวิชญ์ ทะสา ที่มาจากทีมชุดใหญ่เป็นตัวชูโรง และตั้งเป้าให้เป็นตัวความหวังในการพาทีมผ่านเข้ารอบลึกๆ
อย่างไรก็ตามทีมนี้ยังมี “เมสซี่เฟรม” ปัณณวัชร์ โชติจิรชัยธรณ์ ปีกจอมเทคนิควัย 19 กะรัต เจ้าของความสูง 155 เซนติเมตร ซึ่งแบกอายุ 2 ปีในการมาเล่นกับทีมยู 21
รวมทั้ง อรชุน ช่างม่วง กองกลางร่างโย่งที่สามารถเล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟได้ และโด่งดังมาตั้งแต่สมัยฟุตบอลนักเรียนจาก รร.สวนป่าเขาชะอางค์ จ.ชลบุรี
ไม่เพียงเท่านั้นทีมชุดนี้ยังได้มิดฟิลด์ดาวรุ่ง ที่ถูกตั้งความหวังจาก มาริโอ ยูรอฟสกี้ ว่ามีอนาคตที่สดใสรออยู่ในภายหน้า นั่นคือ วุฒิชัย บุญรักษา
และ มักซิมิเลียน สไตน์เบาเออร์ แนวรับลูกครึ่งไทย-เยอรมัน ตัวละครลับในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงสุดท้ายของ “กิเลนผยอง”
ชลบุรี เอฟซี
กุนซือ : ศราวุฒิ จันทะพันธ์
หนึ่งในสถาบันดาวรุ่งที่ผลิดอกออกผลได้อย่างเป็นรูปธรรม คงจะหนีไม่พ้น “ชลบุรี เอฟซี อคาเดมี่” ภายใต้การดูแลแบบเข้มข้นตั้งแต่เช้ามืดจรดเย็นอย่าง “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิค ที่ปั้นหลายแข้งให้โด่งดังมาแล้ว
ที่เห็นชัดสุดๆ คงจะเป็นช่วง 2-3 ปีหลัง เมื่อพวกเขาประกาศศักดาคว้าแชมป์ 18 ปี ก. แถมยังได้แชมป์โค้ก คัพ 2019 รอบคัดเลือก จ
นหลายๆ คนได้ขยับออกไป เริ่มต้นค้าแข้งอาชีพครั้งแรกกับ บ้านบึง เอฟซี ในไทยลีก 3 ท้ายที่สุดแล้ว ก็ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
“ฉลามจูเนียร์” ชุดนี้ นำมาโดย ทรงชัย ทองฉ่ำ กับ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ดาวรุ่งไทยลีกที่เพิ่งพา ชลบุรี เอฟซี คว้ารองแชมป์ เอฟเอ คัพ 2020
รวมทั้ง 3 ผู้เล่นที่ถูกปล่อยไปช่วย ขอนแก่น ยูไนเต็ด เลื่อนชั้นมาอยู่ลีกสูงสุด 2021-2022 ครั้งแรก ในประวัติศาสตร์สโมสร
ไม่ว่าจะเป็น “โชค” วรากร ทองใบ ศูนย์หน้าดาวรุ่งวัย 19 ปี ถือเป็นดาวรุ่งที่น่าจำตามองของเมืองไทย ดีกรีกองหน้าทีมชาติไทย ยู-19
และเป็นดาวซัลโวของการแข่งขันฟุตบอลนักเรียนรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ถ้วย ก. จากการลงเล่นกับโรงเรียนท่าข้ามพิทยาคม
“โอ๊ต” จักรพงษ์ แสนมะฮุง กองหลังดาวรุ่งที่เคยผ่านการฝึกโครงการแอสไพร์ อคาเดมี่ มาแล้ว โดยเขาเป็นอีกหนึ่งนักเตะจากโรงเรียนท่าข้ามพิทยาคม
ชุดแชมป์การแข่งขันฟุตบอลนักเรียนรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ถ้วย ก. และ “คอร์เนอร์” ชิษณุพงศ์ โชติ จอมทัพที่โดดเด่นใน 4 เกมเพลย์ออฟของ “จงอางผยอง”
ชัยนาท ฮอร์นบิล
กุนซือ : สุเมธ อยู่โต
6 ปีก่อนนับจากวันที่ ชัยนาท ฮอร์นบิล ได้จัดเกม “เทสติโมเนียล แมตช์” ให้กับ “สุเมธ อยู่โต” นักเตะสายเลือดของจังหวัด ที่พาทีมก้าวจากลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 (เดิม) ก่อนที่เขาจะก้าวมาเป็นโค้ชทีมอคาเดมี่อย่างเต็มตัว
ชัยนาท ฮอร์นบิล มีความฝันที่จะสร้างทีมเยาวชนของตัวเองขึ้นมา เพื่อเป็นการทำให้เห็นถึงการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยใช้ระยะเวลาสร้างเยาวชนราว 6-7 ปี จากปี 2558-2564
จากการเริ่มคัดเลือกเยาวชนจากทั่วประเทศเพื่อเข้าเก็บตัวฝึกซ้อม และเรียนที่โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท
ผลลัพธ์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด คือศึก ไทยลีก 2 ในขวบปีที่ผ่านมา เนื่องจากโปรแกรมแข่งขันที่ติดๆ กัน และต้องเตะให้จบ 16 นัด ภายใน 2 เดือน
จึงจำเป็นต้องพักผู้เล่นที่ลงเล่นแบบกรำศึกต่อเนื่องไว้บ้าง และค่อยๆ หย่อนบรรดาดาวรุ่งลงไปสัมผัสเกม ซึ่งก็ถือว่าเป็นการลงทุนเดิมพันที่คุ้มค่ามากทีเดียว
เพราะพวกเขาสามารถก้าวขึ้นมาเป็นอะไหล่ให้กับรุ่นพี่ได้ แถมยังเป็นส่วนสำคัญในการพา “นกใหญ่พิฆาต” เข้าไปถึงรอบเพลย์ออฟ เพื่อหา 1 ทีมเลื่อนชั้นไปเล่นไทยลีก ตาม หนองบัว พิชญ และ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ทว่าสุดท้ายพวกเขาก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน
อย่างไรก็ตามแข้งดาวรุ่งที่ขึ้นไปเล่นชุดใหญ่นั้น “โค้ชเมธ” จะดึงมาใช้ใน ยูธ ลีก รุ่น 21 ปี แน่นอน ไม่ว่าจะเป็น
สิรเศรษฐ เอกประทุมชัย (ผู้รักษาประตู), นันทนัท ต่อนี, อาทิตย์ ห้วยลึก, วรินทร จำนงค์วัตร์ (กองหลัง), อรรถพล พันนาเคน,
กฤษฎา ศรีวนิตย์, พศิน หอยิ่งสวัสดิ์, จตุภูมิ แก้วกลาง, ธีระพงษ์ ยังดี, สงกรานต์ การีซอ (กองกลาง), พงกร พูนสัมฤทธิ์ และธนศร จันทรโคตร (กองหน้า)
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
กุนซือ : อานนท์ แก้วพฤกษ์
หลังจากพวกเขาปล่อย ฮาวาร์ ดาห์ล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รวมไปถึงนักเตะในอคาเดมีไปร่วมทัพ อุทัยธานี เอฟซี เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ประกอบด้วย กฤษณะ ดาวกระจาย , อภิเดช จันทร์งาม , ภัทร สร้อยมาลัย รวมถึง อิรฟาน ดอเลาะ
มีข้อมูลว่าทั้งหมดจะได้ไปเล่นใน ยูธ ลีก อายุไม่เกิน 21 ปี ซึ่งดูจากลิสต์รายชื่อแล้ว “ปราสาทสายฟ้า” คือทีมเต็งจ๋าอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งพวกเขายังมีการเก็บตัวฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานอีกด้วย
“ปราสาทสายฟ้า” ได้นำเอาเทคโนโลยี “Fitogether” ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้นำด้านเทคโนโลยีฟุตบอลจากเกาหลีใต้ มาใช้เก็บข้อมูลการฝึกซ้อม เพื่อนำข้อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด กับนักฟุตบอล
เพื่อยกระดับการฝึกซ้อม ให้ก้าวสู่มาตรฐานสากล ไม่ใช่แค่การฝึกซ้อมเท่านั้น แต่พวเขายังจัดให้ มีการทดสอบร่างกาย เพื่อเช็กความพร้อมของร่างกาย รวมถึงทีมงานจะได้นำข้อมูลต่างๆ
ที่ได้จากการฝึกซ้อม ของนักเตะแต่ละคนไปวิเคราะห์ และนำเอาข้อมูลมาเสริม ในส่วนที่ขาดให้กับนักเตะเป็นรายบุคคล เรียกได้ว่ายกระดับของวงการลูกหนังเยาวชน อย่างแท้จริง
คลิกเลย >>> https://www.ufabetwins.com/
อ่านเพิ่มเติม >>> บ้านผลบอล